เพื่อนหลายๆคนที่กำลังลดน้ำหนัก แต่ยังไม่มีงบในการซื้อเครื่องออกกำลังกาย หรือยังไม่รู้ว่าจะเล่นเครื่องออกไรก่อน เลยเริ่มจากการวิ่ง แต่สำหรับผู้เริ่มต้นกับการวิ่งนั้น อาจจะรู้สึกยากจนทำให้รู้สึกอยากเลิกวิ่งไปเลย วันนี้ผม้ลยจะมาแนะนำ วิธีการวิ่งที่ทำให้ปอดและหัวใจไม่ทำงานหนักกัน

 

1. หายใจลึกและเต็มที่

  • หายใจจากท้อง: ใช้การหายใจจากท้อง (diaphragmatic breathing) ซึ่งช่วยให้การหายใจลึกและเต็มที่
  • หลีกเลี่ยงการหายใจตื้น: หลีกเลี่ยงการหายใจตื้นจากอกเพียงอย่างเดียว เพราะอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยเร็วขึ้น

 

2. หายใจเข้าทางจมูกและออกทางปาก

  • หายใจเข้าทางจมูก: ช่วยให้อากาศอุ่นขึ้นและกรองอากาศก่อนเข้าสู่ปอด
  • หายใจออกทางปาก: ช่วยให้อากาศออกได้อย่างรวดเร็วและลดการสะสมของคาร์บอนไดออกไซด์

 

3. ใช้จังหวะการหายใจที่สอดคล้องกับการวิ่ง

  • การหายใจแบบ 3:2: การหายใจเข้าทางจมูก 3 ครั้ง และหายใจออกทางปาก 2 ครั้ง (หรืออาจเป็นแบบ 2:1) ซึ่งช่วยให้หายใจได้สะดวกและลดความเหนื่อยล้า
  • การหายใจแบบ 2:2: หายใจเข้าทางจมูก 2 ครั้ง และหายใจออกทางปาก 2 ครั้ง ซึ่งเป็นจังหวะที่ใช้กันทั่วไป

 

4. รักษาท่าทางที่ดี

  • ท่าทางการวิ่งที่ดี: ยืนตรงและหลีกเลี่ยงการเอียงตัวไปข้างหน้า การรักษาท่าทางที่ดีช่วยให้การหายใจมีประสิทธิภาพ
  • หลีกเลี่ยงการตึงเกร็ง: ไม่ควรตึงกล้ามเนื้อที่บริเวณไหล่และอก เพราะจะทำให้หายใจลำบาก

 

5. ฝึกการหายใจ

  • การฝึกหายใจลึก: ฝึกการหายใจลึกและควบคุมการหายใจในขณะวิ่ง
  • การฝึกหายใจด้วยการออกกำลังกาย: ฝึกการหายใจในช่วงออกกำลังกาย เช่น การฝึกหายใจด้วยการว่ายน้ำหรือโยคะ

 

6. ฟังร่างกายของคุณ

  • ปรับการหายใจตามความรู้สึก: หากรู้สึกเหนื่อยมากขึ้น ให้ปรับจังหวะการหายใจให้เหมาะสมกับระดับความเหนื่อยล้า

 

7. การหายใจในระยะวิ่งที่แตกต่างกัน

  • วิ่งเร็ว: เมื่อวิ่งเร็ว อาจต้องหายใจลึกและเร็วขึ้น
  • วิ่งช้า: เมื่อวิ่งช้า คุณสามารถหายใจลึกและช้าลงได้

การหายใจที่ถูกต้องจะช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ลดความเหนื่อยล้า และทำให้การวิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ