หน้าหนาวในประเทศไทยปีนี้เรียกได้ว่า เย็นสุดๆ ชาวภูมิแพ้อย่างเราๆ ก็ ครืด คราด กันตั้งแต่ตื่นนอน ยันตกเย็น

วันนี้ผมเลยอยากแชร์ทริคเล็กๆ  เพื่อลดน้ำมูกกันนะครับ

 

1. น้ำมูกไหลจากหวัด (Common Cold):

  • ดื่มน้ำอุ่นและพักผ่อนให้เพียงพอ:
    • ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวและลดความเหนียวของน้ำมูก
  • ใช้ยาลดน้ำมูก:
    • เช่น ยาในกลุ่ม Pseudoephedrine หรือน้ำเกลือพ่นจมูก
  • ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ:
    • ใช้น้ำเกลือปราศจากเชื้อ (Normal Saline) ล้างโพรงจมูกช่วยลดการอุดตัน
  • บรรเทาอาการด้วยไอน้ำ:
    • สูดไอน้ำจากน้ำร้อน (ระวังความร้อน) หรือใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศ

 

2. น้ำมูกไหลจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis):

  • หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้:
    • เช่น ฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์ หรือมลพิษ
  • ใช้ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamines):
    • เช่น Cetirizine, Loratadine หรือ Fexofenadine
  • สเปรย์สเตียรอยด์พ่นจมูก:
    • เช่น Fluticasone หรือ Mometasone เพื่อลดการอักเสบของเยื่อบุโพรงจมูก
  • ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ:
    • เพื่อชะล้างสารก่อภูมิแพ้และลดการระคายเคือง

 

3. น้ำมูกไหลจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิหรือสิ่งระคายเคือง:

  • หลีกเลี่ยงอากาศเย็นจัดหรือมลพิษ:
    • สวมเสื้อผ้าหนา รักษาร่างกายให้อบอุ่น และใช้ผ้าปิดจมูกเมื่อจำเป็น
  • ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ:
    • ช่วยลดการระคายเคือง
  • ใช้ยาหดหลอดเลือดในจมูก (ชั่วคราว):
    • เช่น Oxymetazoline หรือ Xylometazoline แต่ไม่ควรใช้เกิน 3-5 วัน

 

4. น้ำมูกไหลจากไซนัสอักเสบ (Sinusitis):

  • ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้คัดจมูก:
    • เช่น Pseudoephedrine หรือยาในรูปแบบสเปรย์พ่นจมูก
  • ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ:
    • เพื่อชะล้างน้ำมูกและลดอาการอุดตัน
  • ยาปฏิชีวนะ (ในกรณีติดเชื้อแบคทีเรีย):
    • หากมีอาการเรื้อรังหรือมีหนอง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาปฏิชีวนะ

 

5. การดูแลทั่วไป:

  • ดื่มน้ำมากๆ:
    • เพื่อช่วยลดความเหนียวของน้ำมูก
  • เพิ่มความชื้นในอากาศ:
    • ใช้เครื่องทำความชื้น (Humidifier) หรือวางถ้วยน้ำในห้อง
  • หลีกเลี่ยงอาหารหรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้อาการแย่ลง:
    • เช่น อาหารรสจัดหรือเครื่องดื่มเย็นจัด

 

เมื่อใดควรพบแพทย์:

  • น้ำมูกไหลนานเกิน 10 วัน หรืออาการไม่ดีขึ้น
  • มีไข้สูง น้ำมูกเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือเขียว และมีกลิ่น
  • ปวดบริเวณใบหน้าอย่างรุนแรง หรือมีอาการหายใจลำบาก

การดูแลที่เหมาะสมจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้รวดเร็ว หากไม่มั่นใจในสาเหตุหรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องค่ะ!